Articles

ถอนพิษเรื้อรังต้อง…รางจืด

Tweet !function(d,s,id){var js,fjs=d.getElementsByTagName(s)[0];if(!d.getElementById(id)){js=d.createElement(s);js.id=id;js.src=”//platform.twitter.com/widgets.js”;fjs.parentNode.insertBefore(js,fjs);}}(document,”script”,”twitter-wjs”);

 

รางจืด…ล้างพิษสารเคมีกำจัดศัตรูพืช

ด้วยกระแสของการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตร ที่เกษตรกรต้องใช้ยาฆ่าแมลงและสารเคมีจำนวนมากในการผลิต จากการสำรวจตัวอย่างเลือดของเกษตรกรของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า มีสารเคมีในกระแสเลือดอยู่มากว่าร้อยละ ๕๑ เพราะฉะนั้นจากเกษตรกร ๑๔.๑ ล้านคนจะพบ ๗ ล้านกว่าคนมีสารพิษฆ่าแมลงทั้งชนิดออร์กาโนฟอสเฟต (organophospjate) คาร์บาเมต (carbamate) และอาการที่เกิดขึ้นคือ วิงเวียนศีรษะ อาเจียน ปวดเมื่อย และระบบสมองเสื่อมเร็ว รวมไปถึงการพัฒนาสู่การเป็นมะเร็ง ด้วยสภาพการณ์เช่นนี้นับว่าเป็นสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขเลือกสมุนไพรรางจืดมาทำการรณรงค์เพื่อใช้ล้างพิษในกระแสเลือดให้เกษตรกร ซึ่งรางจืดเป็นสมุนไพรที่มีการศึกษาวิจัยทั้งในห้องทดลองและการศึกษาในคนมากกว่า ๓๐ ปีแล้ว

โดยการศึกษาทางเภสัชวิทยาของรางจืดครั้งแรกเริ่มจากแพทย์หญิงพาณี เตชะเสน คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่ารางจืดสามารถช่วยชีวิต

ชื่อวิทยาศาสตร์ Thumbergia laurifolia Lindl

วงศ์ Acanthaceae

ชื่อสามัญ Laurel clockvine, blue trumphet vine

ชื่ออื่นๆ รางจืดมีมากมาย เช่น รางจืด รางเอางย็น ว่านรางจืด เถา ยาเขียว เครือเถาเขียว […]

“นอน-นั่ง” อย่างไรไม่ทำให้ปวดหลัง

Tweet !function(d,s,id){var js,fjs=d.getElementsByTagName(s)[0];if(!d.getElementById(id)){js=d.createElement(s);js.id=id;js.src=”//platform.twitter.com/widgets.js”;fjs.parentNode.insertBefore(js,fjs);}}(document,”script”,”twitter-wjs”);

อาจกล่าวได้ว่า อาการปวดหลัง ปวดคอ หรือปวดเอวเป็นอาการที่หลายๆ บ้านมักบ่นโอ๊ยๆ กันมากหลังจากตื่นนอน หรือนั่งทำงาน โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ชาวออฟฟิศที่นั่งอยู่กับเอกสาร และหน้าจอคอมพ์เป็นเวลานานๆ หากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นปัญหาสุขภาพในระยะยาวตามมาได้

วันนี้มีคำแนะนำดีๆ จาก ดร.เจฟฟรี สว๊อป อีกหนึ่งนักไคโรแพรคเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาท การดูแลกระดูกสันหลัง และข้อ ที่ให้ความรู้ว่า ท่านอนถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะหากนอนไม่ถูกท่า อาจนำมาซึ่งอาการปวดหลัง ปวดคอได้ ซึ่งท่านอนที่ดีที่สุดนั้น คือท่านอนหงาย เพราะจะทำให้หลับลึก และเป็นท่าที่รองรับกระดูกสันหลังได้เป็นอย่างดี ส่วนหมอนที่นอนควรจะมีลักษณะเตี้ย หรือเป็นหมอนที่รองรับกับศีรษะและคอได้อย่างพอดี ควรเป็นหมอนที่เป็นแอ่ง โค้งเว้า

ส่วนท่านอนที่ควรหลีกเลี่ยง คือ ท่านอนคว่ำ เพราะเวลาที่เรานอนคว่ำ ท่านี้จะบังคับให้เราต้องบิดลำคอไปด้านใดด้านหนึ่งเสมอ ซึ่งจะทำให้กระดูกสันหลังบริเวณคอเกิดความตึง เพราะถูกบิดจากท่านอนที่ไม่ถูกต้องทั้งคืน อาจทำให้เกิดอาการล๊อคหรือเรียกว่า “คอตกหมอน” ได้

“การที่คอตกหมอน เวลาตื่นขึ้นมาจะรู้สึกเมื่อยคอ หรือคอเคล็ด หากเป็นเช่นนี้นาน ๆ ก็จะทำให้เกิดการสะสมส่งผลให้ข้อกระดูกกดทับเส้นประสาทได้ ซึ่งอาจจะส่งผลกับข้อต่อของกระดูกสันหลัง ทำให้มีอาการปวดคอ ปวดศีรษะ มีอาการมึนงง และข้อต่อกระดูกเสื่อมเร็วขึ้นอีกด้วย” […]

โรคตานขโมย ในเด็ก

Tweet !function(d,s,id){var js,fjs=d.getElementsByTagName(s)[0];if(!d.getElementById(id)){js=d.createElement(s);js.id=id;js.src=”//platform.twitter.com/widgets.js”;fjs.parentNode.insertBefore(js,fjs);}}(document,”script”,”twitter-wjs”);

ตานขโมยเป็นโรคที่เกิดขึ้นกับเด็ก ๆ หลังจากคลอดแล้ว 3-4 เดือน มีเม็ดขึ้นที่เหงือกข้างบนและข้างล่าง มีสีดำแดง บางทีก็สีเหลือง ตัวลายเหมือนเส้นเลือด เจ็บทั่วสรรพางค์กาย เด็กขาดความต้านทานโรค เนื้อหนังเหี่ยวผอม ไม่น่ารัก ตัวมีกลิ่นเหม็นคาว พุงโร ก้นปอด ท้องเดินไม่รู้หยุด เป็นน้ำส่าเหล้าและเป็นน้ำคาวปลา น้ำไข่เน่า เป็นมูก เป็นหนองก็ดี อุจจาระหยาบเหม็นคาวอย่างร้ายกาจ ทำให้ตาฟางเรียกว่า เกล็ดกระดี่ขึ้นตา

ปัจจุบันคงบอกว่าเป็นโรคขาดอาหาร แต่โรคตานขโมยในโบราณบอกว่า โรคตานขโมยนี้ขึ้นในตับ อุจจาระเป็นมูก เป็นโลหิต อกรวบแหลมเหมือนอกไก่ ขึ้นลำไส้อ่อนทำให้อุจจาระเขียวดังใบไม้ และหนังตามตัวจะเป็นเกล็ดเหมือนเกล็ดงู

ต้นเหตุของโรคตานขโมย เกิดจากเด็กเกิดมาแล้วกินอาหารแปลกรสที่ไม่เคยกิน ประกอบกับธาตุของเด็กอ่อนในการย่อยอาหารไม่ดี จึงทำให้เกิดโรคตานขโมยขึ้น และประกอบกับอาหารนั้นไม่สะอาด จึงทำให้เกิดตัวกิมิชาติ (พยาธิ) ขึ้นในท้องและลำไส้ คือตัวพยาธิไส้เดือนและพยาธิต่าง ๆ แย่งอาหารที่เด็กกินเข้าไปเสียหมด จึงทำให้เด็กท้องป่อง ก้นปอด อุจจาระหยาบเหม็นคาว เด็กสุขภาพไม่สมบูรณ์ ร้องงอแง ไม่น่ารัก จิตใจเด็กไม่แจ่มใส เป็นเด็กอมโรค ขี้มูกขี้กรัง […]

จะนอน จะนั่ง จะยืน จะทำงาน ท่าไหนดี?

Tweet !function(d,s,id){var js,fjs=d.getElementsByTagName(s)[0];if(!d.getElementById(id)){js=d.createElement(s);js.id=id;js.src=”//platform.twitter.com/widgets.js”;fjs.parentNode.insertBefore(js,fjs);}}(document,”script”,”twitter-wjs”);

มีอาการเจ็บปวดหรือโรคหลายชนิดที่สามารถป้องกันได้ ถ้าเราสนใจท่าทางต่างๆ ของเราเองในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น อาการปวดต้นคอ อาการปวดหลัง การปวดร้าวลงมาที่แขนและขา ข้อไหล่ติดขัด ข้อเท้าแพลง อาการเสื่อมของข้อสะโพกและข้อเข่า การฉีกขาดของเส้นเอ็นตามข้อต่างๆ

อาการเหล่านี้มีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากท่าทางที่ผิดปกติทั้งนั้น ซึ่งทำให้ต้องเสียเวลานอนพักหรือไม่สามารถทำงานในระยะเวลาหนึ่ง ทั้งเสียเงินทองที่จะต้องหายามาทา ถู กิน เพื่อลดอาการเจ็บปวด แต่แล้วเนื่องจากไม่ได้แก้ไขที่ต้นคอ อาการต่างๆ จึงไม่ได้หายไปและมักจะเป็นมากขึ้น ทั้งยังมีอาการแทรกซ้อนเกิดขึ้นจากการกินยาอย่างพร่ำเพรื่อ ทำให้เป็นโรคกระเพาะหรือเกิดอาการแพ้ยาอื่นๆ รวมทั้งการทำลายข้อต่อต่างๆ จากผลของยาเหล่านี้

ทางที่ดีเราจึงควรรักษาสุขภาพของเราเอง โดยป้องกันอาการที่อาจเกิดจากท่าทางที่ไม่ถูกต้อง ท่านอนของเรา เราใช้เวลาประมาณ 1/3 ของชีวิตเราในการนอน ท่านอนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การนอนนั้นย่อมต้องมีหมอนไว้หนุนศีรษะ

สำหรับหนุ่มสาวทั่วไปนั้น อาจจะไม่สนใจเรื่องหมอนเท่าไรนัก เนื่องจากกระดูกไขข้อยังมีความยืดหยุ่นมาก ดังนั้นไม่ว่าจะใช้หมอนหรือไม่ใช้ ย่อมไม่ค่อยมีข้อแตกต่างกันนัก ทั้งยังสามารถนอนหงาย นอนตะแคงซ้าย ตะแคงขวา นอนคว่ำหรือนั่งหลับบนเก้าอี้ ในบางครั้งอาจจะถึงกับยืนหลับในรถเมล์ก็เป็นไปได้

แต่สำหรับคนสูงอายุหรือวัยกลางคน การนอนจะต้องมีหมอนหนุน และเนื่องจากมักจะนอนอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานาน ไม่นอนดิ้นหรือนอนละเมอบ่อยเหมือนเช่นในวัยหนุ่มสาว เมื่อตื่นขึ้นมาจึงมักพบอาการปวดคอ แขนขาชาอยู่บ่อยๆ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงลักษณะของหมอนที่ใช้ ซึ่งประกอบด้วยสิ่งสำคัญสามอย่างคือ ความสูง ความแข็ง […]

6 เครื่องดื่มสลายหน้าท้อง

Tweet !function(d,s,id){var js,fjs=d.getElementsByTagName(s)[0];if(!d.getElementById(id)){js=d.createElement(s);js.id=id;js.src=”//platform.twitter.com/widgets.js”;fjs.parentNode.insertBefore(js,fjs);}}(document,”script”,”twitter-wjs”);

 

“น้ำ” ที่ทำให้หน้าท้องของเราแบนเรียบ ใช่ว่าจะต้องมีรสชาติไม่น่าอภิรมย์เสมอไป ลองกินน้ำเหล่านี้ดูแล้วคุณจะติดใจ!

 

1. ชามินต์ใส่น้ำแข็ง

รสเย็นของมิ้นต์จะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก มิ้นต์ช่วยให้ระบบย่อยอาหารของเราย่อยสลายไขมัน แม้แต่ อาหารไขมันสูงอย่างเบอร์เกอร์ หรือสเต็กก็จะถูกย่อยอย่างรวดเร็ว และลดอาการท้องอืดได้ด้วย

2. ชาเขียว

นอกจากลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งและโรคหัวใจ ชาเขียวยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสุดยอดตัวหนึ่งชื่อว่า “คาเตชิน” ซึ่งช่วยลด ไขมันบริเวณหน้าท้อง ถ้าคุณจิบชาเขียวก่อนออกกำลัง มันจะช่วยเพิ่มอัตราเผาผลาญในระหว่างออกกำลังกายด้วย

3. น้ำเปล่าเสริมรส

การทำให้ร่างกายชุ่มชื้นอยู่เสมอมีความสำคัญมาก หากคุณต้องการจะลดน้ำหนัก การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยรักษาสมดุลของ ของเหลวในร่างกาย ช่วยลดอาการบวมน้ำ (ที่เป็นสาเหตุให้ท้องอืดป่องขึ้นมา) และแถมยังช่วยให้คุณรู้สึกอิ่ม จึงทำให้กินน้อยลง แต่ถ้าคุณไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า ลองใส่สมุนไพรสด มะนาว ผลไม้ (หรือแม้แต่แตงกวาฝานก็ช่วยได้) เพื่อช่วยให้คุณดื่มน้ำมากขึ้น

4. เฟลปเป้สับปะรด

สับปะรดมีสารที่เรียกว่าโบรมีเลน ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ช่วยย่อยโปรตีน ทำให้การย่อยอาหารง่ายขึ้น ช่วยลดอาการท้องอืด นอกจากนี้ การใส่น้ำมันเมล็ดแฟล็กซ์ ซึ่งมีไขมันโมเลกุลเดี่ยวไม่อิ่มตัวก็จะช่วยให้หน้าท้องแบนราบได้ด้วย

5. […]