Articles

ปวดท้อง..ลางบอกโรคร้ายของคุณ

Tweet !function(d,s,id){var js,fjs=d.getElementsByTagName(s)[0];if(!d.getElementById(id)){js=d.createElement(s);js.id=id;js.src=”//platform.twitter.com/widgets.js”;fjs.parentNode.insertBefore(js,fjs);}}(document,”script”,”twitter-wjs”);

 

ใครทีมักจะปวดท้องบ่อยๆ แต่ไม่ว่าปวดท้องเพราะอะไรอาจเป็นสัญญาณอันตรายโดยไม่รู้ตัว ถ้าปล่อยไว้เห็นทีจะไม่ดีแน่ ลองมาดูวิธีการเช็คโรคจากอาการปวดท้องเป็นเกร็ดความรู้กันสักหน่อยดีกว่า

 

การเช็คอาการปวดท้องโดยทั่วไป แพทย์จะพิจารณาจากตำแหน่งของอวัยวะและลักษณะของอาการปวดเพื่อประกอบการวินิจฉัย เช่น ปวดแบบเป็นๆ หายๆ ปวดหลังรับประทานอาหาร หรือหิวก็ปวด อิ่มก็ปวด เหล่านี้จะเป็นแนวทางช่วยให้ทราบอาการปวดท้องได้ “ตรงจุด” มากขึ้น

 

หากปวดท้องด้านขวาตอนบน ความเจ็บปวดในบริเวณด้านขวาตอนบนของช่องท้องมันเกิด จากโรคตับและถุงน้ำดี หรือในบางครั้งโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่ถุงน้ำดีก็อาจเกิดขึ้นบริเวณส่วนท้องน้อยก็เป็นได้ แต่ถ้าปวดท้องบริเวณแอ่งกระเพาะอาหาร คือ บริเวณที่อยู่ใต้ซี่โครงลงมา การเจ็บปวดบริเวณนี้มักเกิดจากการแสบกระเพาะอาหารและอาหารไม่ย่อย โรคกระเพาะและลำไส้อักเสบอาจเกิดขึ้นในบริเวณนี้ได้ เช่นเดียวกัน แต่หากมีอาการแสบกระเพาะอาหาร นั่นอาจเกิดจากกรดและอาการเจ็บปวดเนื่องจากแผลในกระเพาะ

 

แต่ถ้าหากปวดท้องด้านขวาตอนล่างอาจเป็นอาการของไส้ติ่งอักเสบอย่างเฉียบพลัน หรืออาการอักเสบของลำไส้ ปวดท้องด้านซ้ายตอนบน อาจมีสาเหตุมาจากโรคต่างๆ ที่เกิดในลำไส้ใหญ่ เช่น โรคท้องผูกหรืออาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลำไส้ใหญ่ แต่ถ้าหากปวดท้องส่วนกลางส่วนใหญ่มักเกิดจากสาเหตุที่มาจากโรคที่เกิดขึ้นที่ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้อาการปวดท้องที่บริเวณนี้อาจเกิดจากไส้ติ่งอักเสบ ซึ่งมักเริ่มที่บริเวณนี้ก่อนเสมอ แล้วจึงเลื่อนมาเป็นบริเวณท้องน้อย

 

ปวดท้องด้านซ้ายตอนล่าง อาการปวดที่เป็นลักษณะปวดและคลายสลับกัน พร้อมกับอาการท้องร่วง หรือเกิดจากอาการท้องผูก อาจเกิดจากโรคถุงตันหรือที่เรียกกันว่าไส้ตันเป็นส่วนหนึ่งของลำไส้ใหญ่อักเสบ (Diverticulitis)

 

[…]